มาสรุปกันง่ายๆเลยละกัน ก่อนหน้าที่ฉันจะเจอกับอีแวนซึ่งปัจจุบันคือแฟนหนุ่มของฉัน รู้ไหมว่าเขากินอาหารน้อยมากหรือไม่ก็ “ลืมกิน” จนเป็นเรื่องปกติ เขาพูดออกมาเองเลยว่า “ไม่น่าเชื่อว่าผมจะยังมีชีวิตอยู่รอดได้” และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่เราจะเริ่มย้ายมาอยู่ด้วยกัน
อีแวนเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยกาแฟหนึ่งถ้วยตอนเจ็ดโมงตามด้วยกล้วยหรือถั่วหากยังอยู่ที่บ้านหรือโดนัทระหว่างที่นั่งรถไปทำงาน บางครั้งก็แค่กาแฟเพียงอย่างเดียว จนกระทั่งมื้อเที่ยงราวๆบ่ายโมงถึงบ่ายสามก็จะมีตั้งแต่เบียร์หนึ่งแก้วไปจนถึงทาโก้ สลัดซีซาร์ไก่และชีสกับขนมปังกรอบหรือไม่ก็กาแฟถ้วยเดียวหากเขายุ่งมากจริงๆ อีแวนไม่นิยมกินขนมระหว่างมื้อ ส่วนอาหารเย็นก็จะมีหลากหลาย เช่น เบอร์ริโต้ชิโปเล่ พิซซ่า อาหารไทย หรือเขาอาจจะลงมือเจียวไข่ ทำสลัด ชีสย่าง หรือเนยถั่วกับเยลลี่ด้วยตัวเอง บางทีก็ตบท้ายมื้อเย็นด้วยไอศกรีมและดื่มวิสกี้เบอร์เบิ้นก่อนเข้านอน
Photograph by Stephanie Eckelkamp
รู้สึกอี๋..เลยใช่ไหม? แต่ฉันก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าจะเป็นอย่างไรหากฉันรับประทานอาหารตามอย่างแฟนหนุ่มของฉันติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ฉันจะพุงแตกเพราะคาร์โบไฮเดรตขัดสีหรือเปล่า? ฉันจะเป็นลมหลังจากที่พยายามประคับประคองชีวิตด้วยการดื่มกาแฟเพียงถ้วยเดียวในเวลาหกชั่วโมงหรือไม่? ฉันจะชอบกินอาหารขยะ? ฉันจะกลายเป็นโรคลักปิดลักเปิดไหม? ฉันตัดสินใจแล้วที่จะหาคำตอบ และเมื่อเวลาผ่านไปห้าวัน นี่คือผลลัพธ์ที่ได้
1. อาการบวมสะสม
Blogger : Stephanie Eckelkamp
Source : eatclean.com
Photograph by Stephanie Eckelkamp
ปกติฉันจะหลีกเลี่ยงธัญพืช ผลิตภัณฑ์นม และขนมต่างๆยกเว้นแอปเปิ้ลชุบแป้งทอดในบางโอกาส สำหรับฉันพฤติกรรมการกินแบบนี้ได้ผล แต่ต้องยอมรับเลยว่าฉันตื่นเต้นมากที่จะแหกกฎเหล่านี้ ดังนั้นในวันที่หนึ่งหลังจากที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนอกจากกาแฟ ถั่ว และสลัดไก่ ฉันก็กินขนมปังบริโอชทาเนยถั่วกับเยลลี่ (ใช่แล้วค่ะทุกคนมันคือขนมปังขาว) และให้ตายเถอะรสชาติของมันอร่อยมาก! สรุปว่าคืนแรกและในเช้าวันถัดไปฉันยังไม่มีอาการตัวบวมหรืออาการอยากอาหารรุนแรงเพราะฉันรู้ว่าพฤติกรรมการกินนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น อันที่จริงฉันแอบกินบลูเบอร์รี่ด้วยแต่ไม่ได้บอกอีแวน2. กินจุกว่าเดิม
Photograph by Stephanie Eckelkamp
สิ่งหนึ่งที่ฉันเรียนรู้จากอีแวนคือการกินขนมน้อยลง หากคุณไม่หิวจริงๆมันก็จะเป็นแค่การเบี่ยงเบนสมาธิ ในวันที่สองของการทดลองฉันรับประทานถั่วกับกาแฟเป็นอาหารเช้าแล้วค่อยไปทำงานและไม่ได้กินอะไรอีกเลยจนถึงเที่ยง (ซึ่งปกติเคยเป็นไข่คนสองฟองกับเบบี้แครอท) พอบ่ายสองทุกทีฉันจะกินแอปเปิ้ลกับเนยถั่ว ขนมเทรลมิกซ์ หรือเนื้อแดดเดียวตลอดทั้งวัน การกินขนมน้อยลงทำให้ฉันรับประทานอาหารมื้อค่ำเยอะเกินไปทั้งไก่งวง ผักกาดหอม และแซนด์วิชมะเขือเทศบวกกับโรลผสมธัญพืชตามด้วยวิสกี้เบอร์เบิ้น3. สถานการณ์เริ่มแย่ลง
Photograph by Stephanie Eckelkamp
พอเข้าสู่วันที่สามฉันตื่นมาพร้อมกับอาการอ่อนเพลียสุดๆ (ขอบคุณเบอร์เบิ้น!) พอช่วงสายร่างกายของฉันเริ่มงอแงพร้อมกับร่ำร้องอยากกินสลัดชามโต แตงโม ถั่วเขียว มันเทศ และผักกาดแก้ว แต่อีแวนส่ายหัวและบอกว่าฉันกินคาร์โบไฮเดรตขัดสีเกินโควต้าของวันนี้แล้ว ดังนั้นฉันก็เลยรับประทานแฮมย่างกับชีสและวิสกี้อีกนิดหน่อย จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยไอศกรีมรสมินท์ของ Moose Tracks ลูกโตๆ นี่ฉันกำลังทำร้ายร่างกายของตัวเองอยู่ใช่ไหม? วันต่อมาฉันรู้สึกราวกับว่ามีอิฐอยู่ในกระเพาะอาหารและตัวบวมเหลือเกิน ร่างกายของฉันขาดเส้นใยอาหารอย่างรุนแรง!4. เริ่มโหยหาอาหารขยะทุกชนิด
Photograph by Stephanie Eckelkamp
วันที่สี่ฉันต้องเดินทางไปทำงานที่นิวยอร์กและได้กินแค่โดนัทหนึ่งชิ้นกับกาแฟเท่านั้นจนกระทั่งกลับบ้าน บอกตามตรงว่าฉันหิวสุดๆและที่แย่ไปกว่านั้นคือร่างกายของฉันไม่ปรารถนาอาหารที่มีประโยชน์เลยแต่ต้องการแค่เบอร์เกอร์กับมันฝรั่งทอด อารมณ์ของฉันกำลังดำดิ่งพสุธาพร้อมกับเข้าสู่วงจรเลวร้ายที่ต้องการกินอาหารขยะเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ด้วยเหตุนี้ฉันจึงโกงในวันที่ห้าโดยการเลือกรับประทานเฉพาะอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด เช่น กล้วยกับถั่วเป็นอาหารเช้า สลัดไก่เป็นอาหารกลางวัน และผักคะน้ากับไข่คนเป็นอาหารเย็น บอกเลยว่าฉันรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้งแล้วก็ดีใจมากๆด้วยที่ทำสำเร็จ5. แต่สุดท้ายฉันก็รู้สึกผูกพันกับแฟนหนุ่ม
Photograph by Stephanie Eckelkamp
คุณอาจคิดว่าฉันคงเกลียดแฟนหนุ่มของตัวเองเข้าไส้เมื่อจบการทดลองนี้แต่บอกตามตรงว่าพวกเรารู้สึกสนุกมากค่ะ เห็นไหมว่าส่วนใหญ่ฉันมักจะกำหนดสิ่งที่ต้องกินและอีแวนก็ทำตาม (ส่วนใหญ่เกิดจากความกลัว) แต่การทดลองนี้ทำให้เขามีอำนาจควบคุม ปัจจุบันเรามีแนวคิดในการรับประทานอาหารร่วมกันและที่สำคัญเหมาะกับรสนิยมของเราทั้งคู่ นับว่าเป็นการจับคู่ที่สมบูรณ์แบบจริงๆBlogger : Stephanie Eckelkamp
Source : eatclean.com
